การเล่นเป็นเรื่องจริงจังของหนู ของเด็กทุกวัย
เอ่ยคำว่า “เล่น” ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ
มักไม่ค่อยชอบใจนัก
เพราะดูไม่เป็นงานเป็นการ
เล่นแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมา
เสียเวลาเปล่า
แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว
การเล่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเลยที่เดียว
ลืมตาขึ้นมา นอกจากการกิน
นอน ขับถ่ายแล้วหละก็คือ เล่น
จะให้เด็กทำงานบ้านหรืองานอาชีพ ก็ยังโตไม่พอ แล้วในสมองของเด็ก ๆ
เขายังมองได้ไม่ต่างกันครับ
ระหว่างการเล่นของเขากับการทำงานของผู้ใหญ่
เด็ก ๆ ถือการเล่นเป็นเรื่องจริงจัง
เป็นงานอย่างหนึ่งที่ให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย
ซึ่งเด็กจะเรียนรู้ได้ในที่สุด
ถ้าลูกสนุกสนานและเพลิดเพลินซึ่งก็เกิดมาจากการได้เล่นนั่นเองครับ
รู้ไหม… ทำไมเด็กต้องเล่น
หากคุณพ่อคุณแม่เอาคำถามนี้ไปถามเจ้าตัวน้อยที่เล่นกันอยู่ คำตอบที่ได้รับคือ “ก็มันสนุกนี่ครับ (ค่ะ)”
แต่นอกจากความสนุกแล้ว ผลจากการค้นคว้าของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายชี้ว่า
การเล่นจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ตัวเอง
ทั้งความสามารถทางร่างกาย ความคิดความรู้สึก
เพราเวลาเล่นเด็กจะได้แสดงอารมณ์ทั้งทางบวกและลบ
สามารถแสดงความรู้สึกเก็บกด โกรธ เกลียด อิจฉา ออกมาโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู่อื่น
ลูกจะค่อย ๆ เติบโตด้วยความเข้าใจคำว่า
“ความสุข เสรีภาพ และความยุติธรรมได้จากการเล่นนี่แหละ”
โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ๆ ที่ยังไม่เข้าใจ อ่านหนังสือยังไม่ออก
ในขณะที่เด็กเล่นนั้น มีงานวิจัยพบว่าคลื่นสมองของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
กล้ามเนื้อสมองจะพัฒนา
และจะช่วยเสริมการรับรู้ให้มีคุณภาพ
ทำให้เด็กจดจำได้นานและมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยกระบวนการเล่น
จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้เด็กรักการเรียนรู้นั้น
ด้วยเหตุผลข้างต้น หนูน้อยจึงต้องเล่น
ถ้าไม่ได้เล่นในวิถีทางที่เหมาะกับวัยของตนเอง
ผลเสียที่จะเกิดขึ้นมีมากมายครับ
ปัญหาด้านจิตใจและสังคม
การที่เด็กต้องเก็บกดความอยากเล่นไว้
จะทำให้เขาเป็นเด็กเฉยชา
ไม่อยากปรับตัว ดื้อ ต่อต้านผู้ใหญ่
ปัญหาด้านอารมณ์
เกิดความไม่สบายในอารณ์ อิจฉาริษยา
ซึ่งทำให้กลายเป็นเด็กเก็บกด
และอาจหาทางออกโดยการทำลายข้าวของหรือแกล้งผู้อื่น
ถูกทำลายโอกาสในการเรียนรู้
ถ้าเด็กไม่ได้เรียนรู้ตามธรรมชาติของเขา
อาจเป็นอันตรายต่อการปรับตัวทางอารมณ์ สังคมและสติปัญญาในอนาคตได้ครับ
#DaddyThumb
#ชวนลูกทำกิจกรรม