พ่อบ้านกับการเลี้ยงลูกดูจะไม่ใช่เรื่องที่ไปกันได้สักเท่าไร แต่จะกังวลอะไรถ้าวันนี้มีผู้ช่วยที่ชื่อ“DaddyThumb”ชุมชนออนไลน์ของคุณพ่อยอดเยี่ยม
ใครกันเป็นคนบัญญัติว่า หน้าที่เลี้ยงดูลูกต้องเป็นของ “ผู้หญิง” ขณะที่ผู้ชายต้องทำงานหาเงินเข้าบ้านเท่านั้น!
ทำไมคุณพ่อจะต้องห่างจากลูก โดยเฉพาะในช่วงวัย 0-12 ปี “เวลาคุณภาพ” ที่พ่อแม่จะได้ใกล้ชิดกับลูกๆ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันได้มากที่สุด หนึ่งคนล่ะที่ขอไม่เชื่อเรื่องนี้
เรากำลังพูดถึง “อัครนันท์ ขันตรีจิตรานนท์” หรือ “พ่อเอส” อดีตหนุ่มวิศวกร ฝ่ายขายของบริษัทยางรถยนต์ ที่ทำงานส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด มีเวลาให้ครอบครัวแค่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ วันนี้เขาลาออกมาเป็น “คุณพ่อฟูลไทม์” เพื่อเลี้ยงดูลูกชาย “น้องพอร์ช-ณณัฏฐ์” วัย 2.8 ขวบ แบบเต็มเวลา ขณะที่ภรรยา “ผศ.ดร.อังคณา” ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็สลับบทบาทมาทำงานนอกบ้าน
“ตั้งแต่มีลูกเราตัดสินใจกันว่า จะเลี้ยงเอง ผมก็มาคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแบ่งเบาภาระภรรยาได้ ซึ่งทุกครั้งที่ขับรถออกไปทำงาน จะคิดตลอดว่า น่าจะมีเวลาให้เขามากกว่านี้ ขณะที่งานประจำก็มีแต่จะย้ายผมให้ห่างครอบครัวไปเรื่อยๆ”
คุณพ่อมือใหม่ บอกปัญหาของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน หลังมีลูกชายคนแรก และตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี เลยตัดสินใจออกมาดูแลลูกและให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ โดยเริ่มศึกษาวิธีการเลี้ยงลูกจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคู่มือคุณแม่ทั้งนั้น ใครกันจะคิดว่าคุณพ่อก็อยากออกมาเลี้ยงลูก
ที่แสดงถึงความทุ่มเทสุดๆ ก็ตอนพ่อเอสตัดสินใจไปลงเรียนที่ “โรงเรียนบ้านเด็กไทย” ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรการดูแลและบริบาลเด็กในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ คนทั่วไปเรียนเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ แค่ 210 ชม. ก็เอาอยู่แล้ว แต่เขากลับเรียนครบ 420 ชม. ชนิดที่สามารถไปเปิดเนอร์สเซอรี่เองได้ แต่ไม่คิดจะเปิดหรอก ก็แค่จะเอามาเลี้ยงลูก
ความรู้ที่สั่งสมเป็นภูมิติดตัว บวกประสบการณ์สุดสนุกจากการเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็ก ถูกนำมาแบ่งปันให้กับผู้คน บนโลกออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ daddythumb.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจ facebook.com/daddythumb โดยเขาเริ่มจากเขียนบล็อก บอกเล่าเรื่องราวการเลี้ยงลูกฉบับคุณพ่อเอส ก่อนขยายมานำเสนอข้อมูลการเลี้ยงดูลูกจากแหล่งต่างๆ และเปิดเป็นพื้นที่ออนไลน์ให้เหล่าคุณพ่อมือใหม่ ได้มาค้นหาข้อมูลและแชร์เรื่องราวระหว่างกันได้อีกด้วย
ส่วนที่ใช้ชื่อ “DaddyThumb” เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง “Daddy finger” (The Finger family) เพลงสอนลูกผ่านนิ้วทั้ง 5 ที่คุ้นหูกันอย่างดี ขณะคำว่า Daddy Thumb ยังไม่มีใครจดชื่อนี้ สอดคล้องเป้าหมายที่พวกเขาอยากพัฒนาผู้คนให้เป็น “คุณพ่อยอดเยี่ยม” ก็ถ้าเรายกนิ้วโป้ง (Thumb) ให้ใคร แสดงว่าคนนั้น..สุดยอด จริงไหม
“ผมเผยแพร่วันแรก วันที่ 11 เดือน 11 ปี 2014 มีคนไลค์แค่ 7 คน ก็เพื่อนๆ กันนี่แหล่ะ พื้นๆ บ้านๆ เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หลังจากนั้นพอเล่าเรื่องราวของเราไป กลายเป็นว่ามีคุณพ่อเลี้ยงลูกท่านอื่นมาช่วยเราเล่าด้วย บางคนเป็นคุณหมอ ก็มาแบ่งปันข้อมูล จนเริ่มมีการแชร์ออกไปมากขึ้น”
แล้วชุมนุมเล็กๆ ของเหล่าคุณพ่อก็ค่อยๆ ขยายตัวขึ้น ซึ่งเขาบอกว่า หลังการเปิดเพจ ถึงได้รู้ว่า วันนี้สังคมไทยมีคุณพ่อที่ออกมาเลี้ยงลูกเองมากขึ้น เพื่อให้คุณแม่มีบทบาทในสังคมมากขึ้น คุณพ่อที่มีเวลาให้ลูกไม่มาก ก็เริ่มให้ความสำคัญกับ “เวลาคุณภาพ” ที่จะใช้ร่วมกับลูกมากขึ้นเช่นกัน เลยมาศึกษาหาข้อมูลผ่านเครือข่ายของพวกเขา
“ภาพมันเปลี่ยนไปแล้ว เราเริ่มมีคุณพ่อที่เลี้ยงดูลูกเยอะขึ้น มีทั้งคุณพ่อที่มีลูกในอายุที่มากขึ้น กับคุณพ่อรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมีลูก ซึ่งทุกคนค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกมาก ฉะนั้นจำเป็นต้องมีแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ชายด้วย” เขาบอก
จากเรื่องสนุกๆ ทำเพื่อแบ่งปันในหมู่คุณพ่อ เริ่มส่องโอกาสทางธุรกิจให้เห็น เมื่อ DaddyThumb กลายเป็น Tech Startup ด้านการศึกษา และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงาน Startup Thailand 2016 ที่ผ่านมาด้วย บูธเล็กๆ ของพวกเขานำเสนอโพรดักส์เรียกความสนใจจากนักลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ ออกอากาศรายการทางช่อง YouTube และเว็บไซต์www.DaddyThumb.com เพื่อให้ความรู้กับคุณพ่อและครอบครัว โดยหารายได้จากสปอนเซอร์ จัดทำคลิป VDO ที่สอนโดยคุณยอดเยี่ยม และสัมภาษณ์คุณพ่อเพื่อเป็นทักษะ ข้อคิด หรือแรงบันดาลใจในการเลี้ยงดูลูก เพื่อจำหน่ายหารายได้
ทำเว็บไซด์ www.DaddyThumb.com ให้เป็นชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ เพื่อให้ความรู้กับทุกคนในครอบครัว เป็นช่องทางพูดคุย ช่วยเหลือ และปรึกษาปัญหาร่วมกัน ที่สำคัญยังเป็นแหล่งซื้อสินค้าแม่และเด็ก เพื่อประหยัดรายจ่าย ตลอดจนจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งสามารถหารายได้จากการโฆษณา และการสนับสนุนจากสินค้าแบรนด์ต่างๆ ได้ด้วย
อีกธุรกิจที่ต่อยอดมาคือ รับบรรยาย และเป็นที่ปรึกษา ‘คุณพ่อคุณแม่มือใหม่’ แบบส่วนตัว และหมู่คณะ ตลอดจนจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว ให้กับองค์กรต่างๆ ตัวอย่าง “โมเดลหารายได้” ที่พวกเขาสร้างสรรค์ขึ้น
“ผมมีไอเดีย และดำเนินงานด้วยตัวเองมากว่า 1 ปี สิ่งที่ต้องการในวันนี้ คืออยากเติบโตไปสู่ระดับประเทศ อาเซียนและระดับโลกให้ได้ เลยอยากหาผู้สนับสนุนที่จะช่วยกันพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้เป็นชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ ทำ Social Network เพื่อสร้างชุมชนออนไลน์ให้มีสมาชิกที่เข้มแข็ง และสร้างรายได้ เพื่อมาหล่อเลี้ยงธุรกิจของเราในอนาคต”
โดยมองการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ที่ทำโครงการซีเอสอาร์อยู่แล้ว ให้มาร่วมสานต่อความฝันของพวกเขา
“ผมเชื่อว่าบริษัทต่างๆ มีคุณพ่ออยู่เยอะมาก โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ สุดยอดคุณพ่อทั้งนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทุน ความรู้ หรือทรัพยากรที่คุณมี ถ้ามาร่วมกับเราได้ ก็คงช่วยขยายไอเดียนี้ไปได้อีกมาก”
ระหว่างนั่งรอความหวัง พวกเขาเลือกเดินหน้าหาความจริง ด้วยการเข้าร่วม โครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่เชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม 2559 (Start-Up) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จากโมเดลธุรกิจในอากาศ วันนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น เขาบอกว่า จากนี้ DaddyThumb จะสร้างแพลทฟอร์มเว็บไซต์ เพื่อพัฒนาไปสู่แอพพลิเคชั่น ที่จะเป็นประโยชน์กับครอบครัวคนรุ่นใหม่ จะเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อคุณพ่อ และเป็น Big Data ของครอบครัวและพ่อช่วยเลี้ยงลูก รวมถึงทำให้ครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่าย โดยการนำผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันผ่านช่องทางของพวกเขา และสร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้สินค้าและบริการสำหรับเด็กและครอบครัวอีกด้วย
โดยมีเป้าหมายคือ แพลทฟอร์มนี้จะต้องใช้ได้ทั่วโลก และคุณพ่อทั่วโลกสามารถเข้ามาร่วมในชุมชนแห่งนี้
“ปัจจุบัน คนไม่อยากมีครอบครัวมากขึ้น เด็กเกิดน้อยลง และมีผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่ง DaddyThumb จะเป็นจิ๊กซอว์เล็กๆ ที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาสังคมทางอ้อมให้กับครอบครัวทั้งโลก เพราะถ้าเราสร้างพ่อบ้านให้มีบทบาทในการดูแลลูกและครอบครัวอย่างภาคภูมิใจแล้ว คิดดูว่าจะมีครอบครัวคุณภาพเพิ่มขึ้นแค่ไหน DaddyThumb เกิดมาจากความรัก ที่พ่อต้องการให้คนในครอบครัวมีความสุข ผมเชื่อว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งโลกแน่” เขาหวังไว้อย่างนั้น
เริ่มจากจุดเล็กๆ ขยายสู่ชุมชนขนาดใหญ่ เพื่อให้คุณพ่อทั่วโลกได้ครอบครองตำแหน่ง “คุณพ่อยอดเยี่ยม” กันถ้วนหน้า
ขอบคุณที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/700370